[FIX] วิธีแก้หน้า sing-in screen ขึ้นข้อความ
"Your account has been disabled.
please seen the system administrator"
ใน Windows 10 (กรณีเข้าหน้าหลักของ Windows ไม่ได้)
คิดว่าคนที่หลงเข้ามาบางคนอาจเคยเจอปัญหาที่ว่าวันดีคืนดีหน้า sing-in screen ของตัวเองก็มีข้อความ "Your account has been disabled. please seen the system administrator" เพิ่มขึ้นมาใต้ User account ของเรา แล้วยัง sing-in เข้าหน้าหลักของ Windows ไม่ได้อีกด้วย และสามารถแก้ได้ไม่ยาก และก็คงมีบางคนที่แก้ปัญหานี้ไม่ได้จนอาจต้องยกเครื่องไปให้ช่างช่วยซ่อมหรืออาจถึงขั้น reset ลง Windows ใหม่กันด้วยซ้ำ วันนี้พอดีเพิ่งโดนมากับตัวก็เลยเอาวิธีแก้ง่ายๆมาบอกต่อกัน สำหรับคนที่เจอปัญหานี้แล้วเข้าหน้าหลักของ Windows ไม่ได้โดยเฉพาะ
ก่อนอื่นต้องบอกกับคนที่เข้ามาอ่านทุกคนก่อนนะว่าเราไม่ได้เก่งคอมหรือมีความรู้ด้านนี้มากนัก เพียงแต่เราเคยเผลอไปติกถูกหน้าช่อง account is disabled เข้าครั้งหนึ่งตอนเข้าไปตั้งค่า User account แล้วก็กลับไปใช้ต่อโดยที่ไม่รู้อะไรเลย แล้วพอดีว่าไปเจอโปรแกรม Translator ตัวหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะมันแปลไฟล์ Subtitle ได้ ก็เลยลองเอามาลงดู Install เสร็จก็ทำการ reboot เครื่องทันที แต่ปรากฎว่าพอระบบรันมาจนถึงหน้า sing-in screen มันก็มีบางอย่างผิดปกติ ใต้รูป User ของเรา มีข้อความ "Your account has been disabled please seen the system administrator" เพิ่มขึ้นมาแล้วก็มีปุ่มให้กด OK อยู่ด้านล่างข้อความด้วย ซึ่งเราก็ลองกดดูหลายครั้งแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น สุดท้ายก็เลยใช้คอมของน้องลองหาข้อมูลดูว่ามันเกิดจากอะไร ถึงได้รู้สาเหตุและก็นึกขึ้นได้ว่าเราไปเผลอติกถูกข้างหน้ามันไว้จริงๆ
และแน่นอนว่ามีอีกหลายคนที่เจอปัญหาเดียวกับเรา มีทั้งคนที่เจอเพราะเผลอไปเลือก disabled และคนที่เจอเพราะการ error ของระบบเอง และแน่นอนว่าเมื่อรู้สาเหตุแล้วเราการจะแก้ปัญหาก็ไม่น่ายาก มีวิธีการแก้ปัญหานี้โพสอยู่มากมายทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งโดยวิธีการแล้วนั้นไม่ได้ยาก แต่ปัญหามันอยู่ที่เราไม่สามารถทำตามได้เนื่องจากทุกวิธีต้องทำในโหมด System Recovery Options หรือไม่ก็ Safe mode และปัญหาของเราก็อยู่ตรงนี้คือเราเข้าไม่ได้ทั้ง System Recovery Options และ Safe mode เลยนะสิ เนื่องจากทุกวิธีในการเข้าใช้ระบบนี้ที่มีโพสบอกไว้แล้วเราพอทำได้ก็ต้องเข้าผ่านระบบของ Windows ทั้งหมด หรือไม่ก็ใช้การกด Keyboard ซึ่งเครื่องเราไม่สามารถทำได้ทั้ง 2 วิธี ส่วนวิธีที่อื่นๆก็ค่อนข้างยุ่งยาก เพราะต้องใช้โปรแกรมช่วย แล้วยังต้องไรท์ลงแผ่น CD ในการใช้อีก ซึ่งวิธีการแบบนี้เราไม่เคยทำมาก่อน แต่ในที่สุดหลังจากการค้นหาและรวบรวมข้อมูลเกือบ 3 ชั่วโมงในที่สุดเราสามารถแก้ปัญหานี้ได้สำเร็จ และแน่นอนว่าด้วยวิธีการที่ง่ายอย่างคาดไม่ถึง
ขั้นแรกวิธีการเข้า System Recovery Options และ Safe mode
แบบที่ 1 : เข้าผ่าน sing-in screen แบบปกติ (อันนี้เป็นวิธีที่ Microsoft แนะนำไว้ในหน้าช่วยเหลือของ website หลัก)
- ถ้าเปิดเครื่องอยู่แล้ว Sing-out ออกมา และ sing-in กลับเข้าไปไม่ได้ หรือ restart แล้วมาค้างที่หน้าเครื่องอยู่ที่หน้า sing-in screen และเข้าระบบไม่ได้
- ให้กดปุ่ม
- จากนั้นให้ดูว่าที่มุมล่างสุดด้านขวามือว่ามีรูป Power ขึ้นมารึเปล่า ถ้ามีให้กดกด Shift ค้างไว้พร้อมกับคลิกเลือกเมนู Power >> Restart เพื่อเข้าสู่ System Recovery Options ถ้าสามารถทำได้ให้ดูวิธีการแก้ account is disabled ด้านล่างได้เลย (แต่ถ้าทำไม่ได้ให้ดูแบบที่ 2)
วิธีที่ 2 : การเข้า System Recovery Options แบบบ้านๆ (แต่ของเราหายด้วยวิธีนี้ละ)
- ในกรณีที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ไม่ว่าจะกดหรือจะคลิกตรงไหนก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นให้กด restart ใหม่อีกครั้ง (ถ้าไม่มีปุ่ม Restart ให้กด Power ค้างไว้จนเครื่องดับแทน)
- รอให้เครื่อง reboot ขึ้นมาใหม่และมีโลโก้ Windows ขึ้นตรงกลางจอ จากนั้นดูว่าด้านล่างโลโก้ มีคำว่า Preparing ขึ้นรึเปล่า ถ้ายังไม่มีให้กด restart อีกครั้ง
- ทำการกด restart แบบนี้ประมาณ 3 ครั้ง หรือจนกว่าจะขึ้น Preparing จากนั้นเครื่องจะ boot เข้าสู่ระบบ System Recovery Options ให้เองโดยอัตโนมัต
**วิธีนี้ได้ผล 100% แต่ที่ถ้าไม่จำเป็นไม่แนะนำให้ใช้ เพราะการปิดเครื่องแบบนี้เป็นการตัดกระแสไฟแบบเฉียบพลันคล้ายไฟดับ ซึ่งอาจส่งผลให้ Hardware มีปัญหาหรือมีอายุการใช้งานสั้นลงได้
วิธีแก้ปัญหา Your account has been disabled. ใน Windows 10
วิธีที่ 1 - Set : Net User Administrator
- เข้า System Recovery Options
- เลือก See advanced Option (ถ้าไม่มีให้ข้ามไป) >> Troubleshoot >> Advanced options >> Command prompt
- จะมีหน้าต่าง Administrator: X:\windows\system32\cmd.exe ขึ้นมา
- ดูแถวที่ 2 ของหน้าต่างที่เขียนว่า X:\windows\system32> ให้พิมพ์ net user administrator /active:yes ต่อท้ายแบบไม่ต้องวรรค
จะได้หน้าตาแบบนี้ X:\windows\system32>net user administrator /active:yes แล้วกด Enter
- รอให้รันจนเสร็จและขึ้นว่า The command completed successfully
- ปิดหน้าต่าง command prompt แล้ว Restart
- พอเครื่องเปิดมาให้เลือก the built-in Administrator account
- แล้วให้ sing-in ด้วย Microsoft account (Hotmail) ในกรณีที่ลงทะเบียนไว้ (ถ้าหากที่ไม่มี Microsoft account หรือ Microsoft account ไม่สามารถใช้ sing-in ได้เช่นกันให้ใช้วิธีที่ 2 หรือ 3 แทน)
วิธีที่ 2 : Safe mode
- เข้า System Recovery Options
- เลือก See advanced Option (ถ้าไม่มีให้ข้ามไป) >> Troubleshoot >> Advanced options >> Startup Settings >> Restart
- พอเครื่อง reboot เสร็จจะมีหน้าเมนูให้เลือก ให้กด F4 เข้าเพื่อเข้า Safe mode
- รอจนเครื่องเข้าสู่ Safe mode คือเป็นหน้าจอระบบแบบมืดๆมีแค่ icon กับ taskbar และ start เท่านั้น จากนั้นกดปุ่ม
+X - รอให้เครื่องรันแล้วจะมีหน้าต่าง Computer Management. เด้งขึ้นมา
- ดูที่หน้าต่างด้านซ้ายที่แคบกว่าคลิกที่ < ด้านหน้า Local Users and group ด้านล่างจะเห็น Folder อยู่ 2 Folder ให้คลิกเลือกตรง Users
- ดูที่หน้าต่างด้านขวาจะมีรายชื่อ User ขึ้นมา เลือก User ของเราหรือ Administrator แล้วคลิกขวาเลือก properties.
- ในแถบ General จะเห็นชื่อ User ลงมาเป็น ช่อง Full name และ Description ด้านล่างของสองช่องนี้ จะมีหัวข้อให้ติกเลือก ให้ดูที่ช่องที่ 4 นับจากข้างบน (ช่องที่ 2 นับจากด้านล่าง) ที่เขียนว่า account is disabled ให้ติกเอาเครื่องหมายถูกออก เลือก Apply แล้วกด OK
- ปิดหน้าต่างที่เปิดไว้ทั้งหมด กดปุ่ม
+X อีกครั้ง แล้วเลือก Restart- รอให้ระบบ reboot เครื่องจนเข้าหน้า sing-in screen อีกครั้งถ้าข้อความ "Your account has been disabled please seen the system administrator" หายไปและเขาระบบได้ปกติก็เป็นอันว่าสำเร็จ (แต่ถ้าไม่ดูวิธีใต้จากข้อ 3 ต่อไป)
วิธีที่ 3 : Safe Mode (เหมือนวิธีที่ 2 แต่เข้าผ่าน Run แทน)
- เข้า System Recovery Options
- เลือก See advanced Option (ถ้าไม่มีให้ข้ามไป) >> Troubleshoot >> Advanced options >> Startup Settings >> Restart
- พอเครื่อง reboot เสร็จจะมีหน้าเมนูให้เลือก ให้กด F4 เข้าเพื่อเข้า Safe mode
- รอจนเครื่องเข้าสู่ Safe mode คือเป็นหน้าจอระบบแบบมืดๆมีแค่ icon กับ taskbar และ start เท่านั้น จากนั้นกดปุ่ม
+R- จะมีหน้าต่างเล็ก Run ขึ้นมาที่มุมล่างด้านซ้ายให้พิมพ์ lusrmgr.msc ในช่อง Open จากนั้นกด OK หรือ Enter
- รอให้ระบบรันจนมีหน้าต่างที่ชื่อว่า lusrmgr [Local Users and Groups (Local)\Users] ขึ้นมา
- ดูที่หน้าต่างด้านซ้ายที่ตรง Local Users and group ด้านล่างจะเห็น Folder อยู่ 2 Folder ให้คลิกเลือกตรง Users
- ดูที่หน้าต่างด้านขวาจะมีรายชื่อ User ขึ้นมา เลือก User ของเราหรือ Administrator แล้วคลิกขวาเลือก properties.
- ในแถบ General จะเห็นชื่อ User ลงมาเป็น ช่อง Full name และ Description ด้านล่างของสองช่องนี้ จะมีหัวข้อให้ติกเลือก ให้ดูที่ช่องที่ 4 นับจากข้างบน (ช่องที่ 2 นับจากด้านล่าง) ที่เขียนว่า account is disabled ให้ติกเอาเครื่องหมายถูกออก เลือก Apply แล้วกด OK
- ปิดหน้าต่างที่เปิดไว้ทั้งหมด กดปุ่ม
+X อีกครั้งแล้วเลือก Restart- รอให้ระบบ reboot เครื่องจนเข้าหน้า sing-in screen อีกครั้งถ้าข้อความ "Your account has been disabled please seen the system administrator" หายไปและเขาระบบได้ปกติก็เป็นอันว่าสำเร็จ (แต่ถ้าไม่ดูวิธีใต้จากข้อ 3 ต่อไป)
**วิธีที่ 2 และ 3 เป็นการแก้ไขที่จุดเดียวกันแต่การเข้าระบบต่างกัน จะเลือกใช้วิธีไหนก็ได้ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน
ต่อจากนี้เป็นแค่การให้คำแนะนำเท่านั้น
- คนที่ไม่มีความรู้และความชำนาญไม่แนะนำให้ทำตามเนื่องจากอาจเกิดการสูญหายของข้อมูลได้ ถ้าทำตามขั้นตอนข้างบนแล้วยังไม่หายแนะนำว่าควรยกเครื่องไปหาช่างน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด -
สำหรับคนที่ทำตามทั้ง 3 วิธีด้านบนแล้วยังไม่หาย และความรู้ด้านนี้พอสมควรลองใช้วิธี bootdisk ดูค่ะ สามารถดูวิธีการได้จาก ที่นี่ เขามีวิธีการบอกไว้อย่างละเอียด (แต่เป็นภาษาอังกฤษนะ) อันนี้เราหาได้เป็นวิธีแรกๆเลยแต่ทำไม่เป็นก็เลยหาวิธีอื่นดู ส่วนใครที่ทำไม่ได้เหมือนเราหรือลอง bootdisk ดูแล้วก็ยังไม่หายก็มีอีก 2 วิธีที่ค่อนข้างเสี่ยง(มากน้อยขึ้นอยู่กับคนใช้งาน) กับเสี่ยงมากๆ(ทุกเครื่อง) มาแนะนำค่ะ
วิธีที่ 1 : System restore
- สำหรับคนที่ทำการ Create recovery point ไว้เป็นประจำสามารถ เข้าไป Restore เพื่อคืนค่าได้เลย
- โดยเข้าไปที่ System Recovery Options
- เลือก See advanced Option >> Troubleshoot >> Advanced options >> Startup Settings >> System restore
- จากนั้นจะมีหน้าต่างใหม่ขึ้นมา ให้เลือก account ที่เราใช้ตอน Create restore point กดเลือก account ที่เราใช้
- จะมีหน้าต่างให้ใส่ password ของ account ที่เราใช้ ให้ใส่รหัสลงไป ถ้าไม่มีให้กด continue ได้เลย
- จากนั้นระบบจะเรียนหน้าต่าง System restore ขึ้นมาให้กด Next
- หน้าต่างถัดไปจะให้เลือกไฟล์ System restore point ที่เราต้องการคืนค่ากลับไป (หรือไฟล์ที่สร้างล่าสุด) จากนั้นกด Next
- จากนั้นจะเป็นหน้าต่าง Confirm your restore point ถ้าดูแล้วเป็นไฟล์ที่เราต้องการก็กด Finish
- จากนั้นคอมพิวเตอร์ก็จะทำการ Restore ระบบให้กลับไปเหมือนกับวันที่เรา Create restore point ที่เราเลือก
เพิ่มเติม การทำ System restore คือการทำให้คอมพิวเตอร์ของเราย้อนเวลากลับไปมีระบบเหมือนกับวันที่เรา Create restore point ไฟล์ที่เราเลือก โดยที่ระบบทุกอย่างจะย้อนกลับไปเหมือนกับวันที่เราสร้าง point ไว้ทั้งหมด หมายความว่าทุกอย่างที่เคยมีก่อนสร้าง point จะยังอยู่เหมือนเดิม แต่ Program และ App ทุกอย่างที่ติดตั้ง หลังจากวันนั้นจะหายไปทั้งหมด ยกเว้นไฟล์เอกสารประเภท office ที่ถูกอัพเดทหลังจากวันที่สร้าง point เท่านั้นที่จะไม่หายไป (สำหรับพวกไฟล์ต่างๆเราคิดว่าถ้าย้ายไปไว้ Local Disk (D:) แทนก็น่าจะไม่หายไปนะ เพราะปกติ System จะทำการ Restore หรือ Reset แค่ Local Disk (C:) เท่านั้นและจะไม่ยุ่งกับ Local Disk (D:) อยู่แล้ว)
**สำหรับคนที่ไม่ได้ Create restore point ไว้ลองเข้าไปสร้างใน Safe mode ดูนะคืออันนี้เราไม่เคยลอง เลยไม่แน่ใจว่าทำได้รึเปล่า ถ้าสร้างได้ก็ทำ System restore ตาปกติได้เลย แต่ถ้าสร้างไม่ได้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะทำ System Restore ได้ไหม และถึงทำได้ก็คงไม่ต่างอะไรกับลงใหม่อยู่ดี
วิธี Create restore point
1.คลิกขวา This PC หรือ My Computer (ชื่อไฟล์ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า) เลือก Properties
2.ดูที่ด้านซ้ายของหน้าต่าง Information about you computer จะเห็นมีตัวเลือกด้านหลังโล่ 4 ตัว ให้คลิก System protection
3.ดูที่ช่อง Protection Settings ที่อยู่ด้านล่างปุ่ม System restore จากนั้นดูที่ด้านหลังของ Local Disk (C:) (System) ว่าเป็น off หรือ on (ถ้าเป็น on ข้ามไปดูข้อ 7 แต่ถ้า off ดูข้อถัดไป)
4.ถ้าเป็น off ให้คลิกที่ Local Disk (C:) (System) จากนั้นกด Configure ที่อยู่ด้านล่างกรอบ Protection Setting
5.ตรง Restore Setting เลือก Turn on system protection จากนั้นกด Apply แล้วกด OK
6.กด Apply ที่หน้าต่าง System Properties แล้วกด OK จากนั้นเข้า System protection อีกครั้ง
7.กดปุ่ม Create ที่ตรงด้านซ้ายของปุ่มเขียนว่า Create a restore point right now for the drives they have system protection tuned on. ซึ่งอยู่ตรงด้านล่างปุ่ม Configure จะมีหน้าต่างขึ้นมาให้ตั้งชื่อไฟล์ (แนะนำให้ตั้งเป็นวันที่) จากนั้นกด Create
8.รอให้ทำการ Create จนเสร็จ และขึ้นว่า Create restore point was created successfully. ถือว่าเป็นอันเสร็จ และหากเครื่องมีปัญหาก็สามารถทำการ Restore คอมพิวเตอร์ให้ย้อนกลับมายังวันที่เรา create restore point ได้ (ควรสร้างอย่างน้อยเดือนละครั้ง ความเสี่ยงในกับการ reset ระบบใหม่จะได้น้อยลง)
วิธีที่ 2 : Reset!!! หรือลง Windows ใหม่ (หายหมดทุกปัญหา 100% 555+)
ถ้าลองทุกทางแล้วก็ไม่สามารถแก้ได้วิธีสุดท้ายที่แนะนำคือ Reset ระบบหรือลง Windows ใหม่ไปเลย วิธีนี้รับรองว่าหายแน่นอน 100% ก็ยังกล้าแนะนำอีกนะขนาดสีข้างถลอกเลือดอาบขนาดนี้แล้ว แต่แหมก็แบบว่ามันหมดหนทางแล้วจริงๆนี่ จะเหลือก็แค่วิธีนี้แหละที่ยังไงสุดท้ายก็ได้ผลทุกครั้ง สามารถแก้ปัญหาได้หมดจดแบบไม่ต้องกังวล(เพราะโดนล้างหมดไม่มีเหลือแน่นอน VoV ) แต่ก็เพราะมันดีเกินไป(มาก)นี่แหละที่ทำคนใช้คอมทุกคนจะเลือกมันเป็นข้อท้ายสุดแน่นอน =_="" ก็ได้แต่หวังว่าคงทุกคนคงแก้ปัญหานี้กันได้และไม่มีใครจำเป็นต้องเรียกใช้เครื่องมือสุดเพอร์เฟ็คที่ชื่อว่า Reset ตัวนี้
ถ้ามีตรงไหนที่ผิดก็บอกได้นะ เพราะเราเขียนมาจากประสบณ์การและความเข้าใจล้วนอาจมีผิดบ้างก็ต้องขอโทษคนที่เข้ามาอ่านไว้นะที่นี้
สุดท้ายหวังว่าบทความ (หรือมหากาพย์) ที่เราเขียนขึ้นมาเรื่องนี้จะมีประโยชน์กับทุกคนที่เข้ามาอ่านบ้างไม่มากก็น้อย
หมายเหตุ ถ้าจะเอาออกกรุณา comment แจ้ง และนำออกพร้อม Credit ด้วยนะคะ
:: Credit ::
การใช้งานและแก้ปัญหา Windows 10 เบื้องต้น : microsoft.com
วิธีการเข้า Safe mode แบบบ้านๆ : PopJung Design@youtube.com
วิธีการแก้ account is disabled : JUICED_IT@superuser.com // Kapil Arya@kapilarya.com // Andre Da Costa@microsoft.com
รวมรวมข้อมูล และเรียบเรียง : jetaya_935 [2016/06/21]
ภาพประกอบ : jetaya_935 // google.images
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น